วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หลักของความพอเพียงที่ "พ่อหลวง" มอบให้แก่คนไทยทุกคน

     
“...คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชยว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่สมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบ และทำงานตั้งจิตอธิษฐานตั้งปณิธานในทางนี้ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้...”

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต 
วันที่ 4 ธันวาคม 2517



     เป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปีที่ประชาชนชาวไทยได้พักพิงอาศัยอบู่บนผืนแผ่นดินไทยภายใต้ร่มพระบารมีอันปกเกล้าฯของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม เปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ทรงเป็นเสมือน "พ่อ" ที่ดูแลทุกข์สุขของราษฎร ซึ่งเปรียบเสมือน "ลูก" ที่อาศัยอยู่ทุกที่ทุกแห่งบนผืนแผ่นดินไทยผืนนี้ "พ่อหลวงภูมิพล" ผู้ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆนานับประการ และทรงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามแนวทางพระราชดำริของพระองค์ท่าน นั่นคือ "ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง" ทฤษฎีในการดำรงชีวิตบนพื้นฐานของการพออยู่พอกิน พอมีพอใช้ รู้จักเก็บออมประหยัด ไม่ฟุ่งเฟ้อ ไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่และใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใด ฐานะระดับไหน ก็สามารถใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำเนินชีวิตได้เช่นเดียวกัน 

"ในเมื่อ พ่อหลวง ของเราทรงปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงได้
แล้วทำไมคนไทยจะปฏิบัติตามพระองค์ท่านบ้างไม่ได้หรือ"


ข้อมูลเพิ่มเิติมเกี่ยวกับกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ติดตามได้จากที่อยู่ด้านล่าง